วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

โครงงานเรื่องดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร5ชนิด



โครงงานเรื่อง การดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร 5 ชนิด









จัดทำโดย
เด็กชาย   ณัฐวัตร       รังสรรค์ลิขิต          เลขที่ 4 
เด็กหญิง  กนกพร       แซ่แต้                     เลขที่ 16
เด็กหญิง  สุนิสา          หงส์เวียงจันทร์      เลขที่ 43
เด็กหญิง  อรอนงค์      พึ่งบุญ ณ อยุธยา    เลขที่ 47
            ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2

ครูที่ปรึกษา
อาจารย์  รัตนา     นวีภาพ
การศึกษาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา การสื่อสารและการนำเสนอ ( IS )รหัสวิชา I22202
โรงเรียน กาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรี
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 9
โครงงานเรื่อง การดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร 5 ชนิด










จัดทำโดย
เด็กชาย   ณัฐวัตร       รังสรรค์ลิขิต          เลขที่ 4 
เด็กหญิง  กนกพร       แซ่แต้                     เลขที่ 16
เด็กหญิง  สุนิสา          หงส์เวียงจันทร์      เลขที่ 43
เด็กหญิง  อรอนงค์      พึ่งบุญ ณ อยุธยา    เลขที่ 47
            ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2

ครูที่ปรึกษา
อาจารย์  รัตนา     นวีภาพ
การศึกษาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา การสื่อสารและการนำเสนอ ( IS )รหัสวิชา I22202
โรงเรียน กาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรี
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 9

ชื่อเรื่อง : การดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร 5 ชนิด
ผู้ศึกษา :  เด็กชาย   ณัฐวัตร       รังสรรค์ลิขิต          เลขที่ 4 
                เด็กหญิง  กนกพร      แซ่แต้                     เลขที่ 16
                เด็กหญิง  สุนิสา         หงส์เวียงจันทร์       เลขที่ 43
                เด็กหญิง  อรอนงค์     พึ่งบุญ ณ อยุธยา    เลขที่ 47
ครูที่ปรึกษา : อาจารย์  รัตนา     นวีภาพ
ระดับกาศึกษา : ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
                          โรงเรียน กาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรี
รายวิชา : การสื่อสารและการนำเสนอ ( Independent study : IS2 )
ปีการศึกษา : 2557


บทคัดย่อ

                         การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการทราบว่าการดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพรอันใดดับกลิ่นได้ดีที่สุด เพื่อไปนำประกอบอาหารให้น่ารับประทานมากขึ้น
                         กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียน กาญจนาภิเษกวิทยาลัยสุพรรณบุรี จำนวน 4 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 โดยวิธีการเลือก เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
คือ บทเรียนการงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่องการทำอาหาร และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยล่ะและค่าเฉลี่ย











กิตติกรรมประกาศ
                         การศึกษาครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี เพราะได้รับความกรุณา แนะนำ ช่วยเหลือเป็นอย่างดี ยิ่งจาก อาจารย์ รัตนา นวีภาพ ครูที่ปรึกษารายวิชาการสื่อสารและการนำเสนอ ( IS2 )ซึ่งผู้ศึกษารู้สึกซาบซึ้งและเป็นพระคุณอย่างยิ่ง จึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้
                         ผู้ศึกษาขอขอบพระคุณ ผู้ปกครองของคณะผู้จัดทำ  ที่ได้กรุณาให้แนวคิด ข้อแนะนำ หลายประการ ทำให้งานวิจัยฉบับนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
                         สุดท้ายขอขอบคุณ เพื่อนๆในคณะผู้จัดทำ ที่ให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ทำให้การศึกษาครั้งนี้สำเร็จในเวลาอันรวดเร็วและขอขอบคุณผู้ให้ความช่วยเหลืออีกหลายท่าน ซึ่งไม่สามารถกล่าวนามในที่นี้ได้หมด


                                                                                                                                                คณะผู้ศึกษา
                                                                                                            30 มกราคม 2558



















บทที่ 1
บทนำ
ความเป็นมา  และ ความสำคัญของปัญหา
                   ปัจจุบันนี้เราได้ใช้พืชหลากหลายชนิดมาประกอบอาหารใช้รักษาโรคทำผลิตภัณฑ์เสริมความงามและใช้บริโภคโดยไม่มีความรู้ความเข้าใจ เชื่อตามคำโฆษณาคำบอกเล่าสืบต่อกันมาอาจทำให้เกิดโทษต่อสุขภาพ ซึ่งบางครั้งก็แก้ไขได้บางครั้งก็แก้ไขไม่ได้ แต่ในทางตรงข้ามพืชบางอย่างก็มีประโยชน์ที่เห็นต้องอาศัยการวิจัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  จึงจะหาข้อสรุปได้แน่นอน และบางครั้งเราก็ใช้พืชสมุนไพรช่วยในการดับกลิ่นคาวปลา เพราะปลาทุกชนิดจะมีกลิ่นคาว  ปลาเป็นอาหารหลักของคนไทยโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เราจึงนำพืชสมุนไพรมาดับกลิ่นคาวปลา
                   พืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันของคนไทยเรา ยกตัวอย่าง  เช่น
1 ใบมะกรูด เป็นพืชยืนต้นใบมีกลิ่นฉุนใช้สำหรับดับกลิ่นคาวช่วยทำให้รสอาหารมีกลิ่นหอม เช่น อาหารประเภทยำต่างๆ
2 ใบฝรั่ง ใช้ดับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์บางชนิด
3 ใบพลู มีคุณสมบัติรสเผ็ดและปร่า และ ใช้รักษาโรคลมพิษ คนโบราณที่ชอบรับประทานหมากมีความเชื่อว่าใบพลูช่วยรักษาเหงือกและฟัน
4 ใบสะระแหน่   มีต้นเป็นเถาใบอ่อนมีกลิ่นหอมใช้ดับกลิ่นคาว
5 ตะไคร้ เป็นพืชที่มีใบยาวขึ้นเป็นกอแตกหน่อเรื่อยๆ ใบและลำต้นมีกลิ่นหอมใช้ดับกลิ่นคาว ลำต้นใช้ต้มแล้วนำไปดื่มช่วยขับลม
                   ข้อดีของปัญหาคือ ใช้สมุนไพรบางชนิดที่ดับกลิ่นคาวปลาได้ กลิ่นคาวปลาจะหายไป
เป้าหมายสำคัญเรื่องสมุนไพรดังกล่าวข้างต้น เพื่อให้ทุกคนได้นำความรู้ดังกล่าวไว้ไปใช้ปัญหาในสิ่งที่เกิดขึ้น  แต่ละอย่างดังที่กล่าวไว้
ดังนั้นการศึกษาค้นคว้าฉบับนี้  จึงมุ่งศึกษาสมุนไพรชนิดใดที่ดับกลิ่นคาวปลาได้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้ถูกต้องต่อไป

จุดมุ่งหมายของการศึกษา
1. เพื่อศึกษาสรรพคุณของพืชสมุนไพรทั้ง 5 ชนิด
2. เพื่อเปรียบเทียบว่าใบมะกรูด ใบฝรั่ง ใบพลู ใบสะระแหน่และ ตะไคร้ พืชสมุนไพรชนิดใดสมรรถนำมาดับกลิ่นคาวปลาได้ผลดีกว่ากัน
สมมติฐานของการศึกษา
                   คาดว่าใบมะกรูด ใบสะระแหน่ และใบตะไคร้ สามารถดับกลิ่นคาวปลาได้
2
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้รับความรู้ว่าพืชสมุนไพรทั้ง 5 ชนิด มีคุณสมบัติใดบ้าง
2. ได้แนวทางการนำพืชสมุนไพรทั้ง 5 ชนิดไปใช้ได้




























3
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
                   การศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง ดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร 5 ชนิด ในครั้งนี้  ผู้ศึกษาได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยออกเป็นหัวข้อต่างๆ  ดังนี้
1. ดับกลิ่นคาวปลา
1.1 ความหมายของการดับกลิ่นคาวปลา
1.2 สมุนไพรที่ใช้ดับกลิ่นคาวปลา
1.3 วิธีดับกลิ่นคาวปลา
2. สมุนไพร 5 ชนิด ที่ใช้ดับกลิ่นคาวปลา

1.              ดับกลิ่นคาวปลา

1.1       ความหมายของการดับกลิ่นคาวปลา
                   ปลา  จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีกระดูกสันหลัง เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำ เป็นสัตว์เลือดเย็น หายใจด้วยเหงือกและมีกระดูกสันหลัง สามารถเคลื่อนไหวไปมาด้วยครีบและกล้ามเนื้อของลำตัว บางชนิดมีเกล็ดปกคลุมทั่วตัว บางชนิดไม่มีเกล็ดแต่ปกคลุมด้วยเมือกลื่น ๆ หรือแผ่นกระดูก มีหัวใจสองห้องและมีขากรรไกร ยกเว้นปลาจำพวกปลาฉลาม
สัตว์ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำบางประเภท ถูกเรียกติดปากว่าปลาเช่นเดียวกันเช่น ปลาดาวโลมาวาฬและหมึก ซึ่งสัตว์ทั้งหมดนี้ก็มีแหล่งอาศัยอยู่ในน้ำด้วยกันทั้งสิ้น แต่ไม่ได้จัดอยู่ในจำพวกเดียวกันกับปลา ด้วยลักษณะทางกายวิภาคและสรีรวิยาที่แตกต่างกันเช่น ปลาดาวเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเช่นเดียวกับปลา มีโครงสร้างที่เป็นหินปูน โลมาและวาฬถูกจัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่สามารถหายใจได้ทางปอดไม่ใช่ทางเหงือก และปลาหมึกจัดเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง แต่ถูกจัดรวมอยู่กับสัตว์ประเภทเดียวกันกับหอย
1.2       สมุนไพรที่ใช้ดับกลิ่นคาวปลา
1.              ตะไคร้
2.              ใบฝรั่ง
3.              ใบสาระแหน่
4.              ใบพลู
5.              มะกรูด



4
1.3       วิธีดับกลิ่นคาวปลา

1.3.1 มะกรูด
                   นำมะกรูดมาผ่าประมาณ 3-4 ชิ้น นำกระดาษขาวมาวาง แล้วเอาปลาวางบนกระดาษขาว แล้วหอตัวปลาแล้วใส่ถุง แล้วใส่มะกรูดลงไปในถุง 3-4 ชิ้น เพื่อดับกลิ่นคาวปลา เวลาเดินทางหรือจะเก็บไว้ในตู้เย็นก็จะไม่มีกลิ่นคาวปลารบกวน

1.3.2 ตะไคร้
                   นำต้นตะไคร้พร้อมใบ ล้างให้สะอาด ทุบพอแตก จากนั้นนำตะไคร้ไปใส่ในน้ำที่เตรียมไว้ นำปลาลงไปล้างใช้ใบตะไคร้ถูตัวปลาเบาๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถขจัดปลาและกลิ่นคาวปลาได้เป็นอย่างดี

1.3.3 ใบฝรั่ง
                   นำใบฝรั่ง ล้างให้สะอาด ตำพอละเอียด  จากนั้นนำใบฝรั่งไปใส่ในน้ำที่เตรียมไว้ นำปลาลงไปล้างใช้ใบฝรั่งถูตัวปลาเบาๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถขจัดปลาและกลิ่นคาวปลาได้

1.3.4 ใบพลู
                   นำใบพลู ล้างให้สะอาด ตำพอละเอียด  จากนั้นนำใบพลูไปใส่ในน้ำที่เตรียมไว้ นำปลาลงไปล้างใช้ใบพลูถูตัวปลาเบาๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถขจัดปลาและกลิ่นคาวปลาได้

1.3.5 ใบสะระแหน่
                   นำใบสะระแหน่ ล้างให้สะอาด ตำพอละเอียด  จากนั้นนำใบสะระแหน่ไปใส่ในน้ำที่เตรียมไว้ นำปลาลงไปล้างใช้ใบสะระแหน่ถูตัวปลาเบาๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถขจัดปลาและกลิ่นคาวปลาได้

2.              สมุนไพร 5 ชนิด ที่ใช้ดับกลิ่นคาวปลา
2.1       มะกรูด
ภาษาอังกฤษ Kaffir lime, Leech lime, Mauritius papeda 
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Citrus x hystrix L.
ท้องถิ่นอื่นๆอีกเช่น มะขู (แม่ฮ่องสอน)มะขุน มะขูด (ภาคเหนือ)ส้มกรูด ส้มมั่วผี (ภาคใต้) เป็นต้น ซึ่งจัดอยู่ในตระกูล ส้ม (Citrus)โดยมีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย ลาว มาเลเซีย และอินโดนีเซีย  หลายๆท่านคงคุ้นเคยกับมะกรูดเป็นอย่างดี เพราะเป็นสมุนไพรคู่ครัวไทมาอย่างยาวนาน เพราะนิยมใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องแกงที่จำเป็นอย่างขาดไม่ได้เลย ซึ่งโดยปกติแล้วเรามักจะนิยมใช้ใบมะกรูดและผิวมะกรูดมาเป็นส่วน
5
หนึ่งของเครื่องปรุงอาหารหลายชนิด นอกจากมะกรูด จะใช้เป็นเครื่องประกอบในอาหารต่างๆแล้ว ก็ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นในด้านของความงามและในด้านของยาสมุนไพร นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นไม้มงคลที่นิยมปลูกไว้บริเวณบ้านอีกด้วย เพราะเชื่อว่าจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุข โดยจะปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ประโยชน์ของมะกรูด
1. มะกรูดมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงและต้านทาน
    โรค
2. ประโยชน์ของมะกรูดช่วยทำให้เจริญอาหาร
3. น้ำมันหอมระเหยจากมะกรูดมีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายความเครียด คลายความกังวล ทำให้จิต
    ใจสงบนิ่ง ด้วยการสูดดมผิวมะกรูดหรือน้ำมันมะกรูดจะช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่การใช้ไม่ควรจะใช้
    ความเข้มข้นมากกว่า 1% เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้
4. ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ด้วยการใช้ผิวมะกรูด รากชะเอม ไพล เฉียงพร้า ขมิ้นอ้อย ใน
    ปริมาณเท่ากัน นำมาบดเป็นผง นำมาชงละลายน้ำร้อนหรือต้มเป็นน้ำดื่ม
5. สรรพคุณมะกรูดใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ ด้วยการใช้ผิวมะกรูดสดฝานเป็นชิ้นเล็กๆ ประมาณ
    ช้อนแกง เติมการบูรหรือพิมเสน 1 หยิบมือ ชงด้วยน้ำเดือด แช่ทิ้งไว้ แล้วนำน้ำที่ได้มาดื่ม
    1-2   ครั้ง (เปลือกผล)
6. ช่วยแก้ลม หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ด้วยการใช้เปลือกมะกรูดฝานบางๆ ชงกับน้ำเดือดใส่การบูร
     เล็กน้อย แล้วนำมารับประทานแก้อาการ (เปลือกผล)
7. ช่วยแก้อาการไอ ขับเสมหะ ด้วยการใช้ผลมะกรูดนำมาผ่าซึกเติมเกลือ นำไปลนไฟให้เปลือก
     นิ่ม แล้วบีบน้ำมะกรูดลงในคอทีละน้อยๆ จะช่วยแก้อาการไอได้ สูตรนี้ก็สามารถใช้เป็นยาขับ
     เสมหะได้ด้วยเช่นกัน
8. สรรพคุณของใบมะกรูดสามารถใช้แก้อาเจียนเป็นเลือด แก้ช้ำในได้อีกด้วย
9. ช่วยฟอกโลหิต ด้วยการนำผลมะกรูดสดมาผ่าเป็น 2 ซีกแล้วนำไปดองกับเกลือหรือน้ำผึ้ง
     ประมาณ 1 เดือน แล้วรินเอาแต่น้ำดื่ม จะช่วยฟอกโลหิตได้เป็นอย่างดี
10. ใบมะกรูดสรรพคุณช่วยยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยต่อต้านมะเร็งได้ 
       เนื่องจากใบมะกรูดนั้นอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน
11. สรรพคุณของมะกรูดช่วยแก้เสมหะเป็นพิษ ด้วยการใช้ผิวมะกรูดสดฝานเป็นชิ้นเล็กๆ 
      ประมาณ 1 ช้อนแกง เติมการบูรหรือพิมเสน 1 หยิบมือ ชงด้วยน้ำเดือด แช่ทิ้งไว้ แล้วนำน้ำที่
     ได้มาดื่ม 1-2 ครั้ง (เปลือกผล,ราก)
12. น้ำมะกรูดใช้แก้อาการเลือดออกตามไรฟันได้ โดยหลังแปลงฟันเสร็จให้ใช้น้ำมะกรูดถูบางๆ 
       บริเวณเหงือก
6
13. ใช้ปรุงเป็นยาช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการจุกเสียด ท้องอืด แน่นท้อง ด้วยการใช้ผิวมะกรูด
       สดฝานเป็นชิ้นเล็กๆ ประมาณ 1 ช้อนแกง เติมการบูรหรือพิมเสน 1 หยิบมือ ชงด้วยน้ำเดือด 
       แช่ทิ้งไว้ แล้วนำน้ำที่ได้มาดื่ม 1-2 ครั้ง (เปลือกผล)
14. ช่วยแก้อาการปวดท้อง หรือใช้เป็นยาแก้ปวดท้องในเด็กอ่อน หรือการนำผลมะกรูดมาคว้าน
       ไส้กลางออก นำมหาหิงส์ใส่และปิดจุก แล้วนำไปเผาไฟจนดำเกรียมและบดจนเป็นผง
        ละลายกับน้ำผึ้งไว้รับประทานแก้อาการปวดได้ หรือจะนำมาป้ายลิ้นเด็กอ่อน ใช้เป็นยาขับขี้
        เทาก็ได้เช่นกัน
15. ช่วยขับระดู ขับลม ด้วยการใช้ผลมะกรูดนำมาดองทำเป็นยาดองเปรี้ยวไว้รับประทานแก้
       อาการ
16. ช่วยกระทุ้งพิษ ช่วยรักษาฝีภายใน (ราก)
17. มะกรูด สรรพคุณช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้เป็นอย่างดี
18. น้ำมันมะกรูดมีฤทธิ์อ่อนๆ ช่วยยับยั้งการหดเกร็งของกล้ามเนื้อได้
19. ใช้สระผมเพื่อทำความสะอาด ทำให้ผมดกเงางาม ป้องกันผมหงอก แก้ปัญหาผมร่วง ความ
       เปรี้ยวของน้ำมะกรูดยังมีฤทธิ์เป็นกรดช่วยขจัดคราบแชมพู หรือชำระล้างสิ่งอุดตันต่างๆ 
       ตามรูขุมขนบนหนังศีรษะ แล้วยังทำให้ผมหวีง่ายอีกด้วย ด้วยการผ่ามะกรูดเป็น 2 ชิ้น เมื่อ
       สระผมเสร็จ ให้เอามะกรูดสระผมซ้ำ ด้วยการใช้มะกรูดยีให้ทั่วบนผม แล้วล้างออก จะช่วยทำ
       ความสะอาดผมได้
20. ช่วยล้างสารเคมีในเส้นผม สำหรับวิธีการปกป้องเส้นผมและล้างสารเคมีก็ง่ายเพียงแค่ใช้น้ำ
       มะกรูดมาชโลมบนผมที่เปียกชุ่ม แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำ
      สะอาด ใช้รักษารังแคและชันนะตุ
21. ใช้ผสมเป็นน้ำอาบเพื่อทำความสะอาด ช่วยทำให้ผิวไม่แห้ง ด้วยการนำมะกรูดมาผ่าซึกลง
       ในหม้อต้มเป็นน้ำอาบ
22. มีอาหารบางชนิดที่นิยมใช้น้ำมะกรูดเป็นส่วนผสม
23. ประโยชน์ของใบมะกรูด เนื่องจากน้ำมะกรูดมีน้ำมันหอมระเหยอยู่มาก มีกลิ่นฉุน สามารถนำ
      ไปใช้ไล่แมลงบางชนิดได้ เช่น มอดและมดในข้าวสาร ด้วยการใช้ใบมะกรูดสดๆ ประมาณ  
      4-5 ใบต่อข้าว 1 ถัง แล้วฉีกใบเป็น 2 ส่วน ให้กลิ่นออก แล้วใส่ลงในถังข้าวสาร เมื่อใบมะกรูด
      แห้งแล้วก็ให้เปลี่ยนใบใหม่ เพียงแค่นี้ก็จะไม่มีแมลงมอดมากวนใจท่านแล้วครับ
24. มะกรูดสามารถใช้ในการไล่ยุงและกำจัดลูกน้ำได้ เมื่อทานหรือคั้นเอาน้ำแล้วก็อย่าทิ้ง
       เปลือก    ให้นำเปลือกมาตากแห้งและเผาไฟจะช่วยไล่ยุงได้ดีนัก (เปลือกผล)
25. ในปัจจุบันมีการผลิตน้ำมันหอมระเหยในรูปแบบแคปซูลเพื่อใช้ไล่แมลงและหนอนสำหรับ
       เกษตรกร ด้วยการใช้โปรยไว้ใต้ต้นไม้ที่ต้องการไล่แมลง แคปซูลก็จะค่อยๆปล่อยน้ำมัน
    7
   ออกมา แถมยังไม่มีอันตรายอีกด้วย
 26. น้ำมันจากใบมะกรูดมีส่วนช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อราบางชนิด เช่น ช่วยกระตุ้น
        การสร้างเส้นใยของราพวกมูเคอร์ แอสเปอร์จิลลัส อัลเทอร์นาเรีย และกระตุ้นการสร้าง
        สปอร์ของแอสเปอร์จิลลัส
27. ประโยชน์ใบมะกรูด ใบมะกรูดและน้ำมะกรูดสามารถใช้ดับกลิ่นคาวในอาหารได้
28. ใช้ในการประกอบอาหารและแต่งกลิ่นคาวหวานของอาหาร เช่น ต้มยำ แกงเผ็ด ผัดเผ็ด ฉู่ฉี่ 
       ห่อหมก ทอดมัน โรยหน้าข้าวเหนียวหน้ากุ้ง ฯลฯ
29. น้ำมะกรูดสามารถใช้แทนน้ำมะนาว หรือใช้ร่วมกับมะนาวได้ จะได้รสเปรี้ยวและความหอม
       ของน้ำมันหอมระเหยที่ผิวมะกรูดเพิ่มขึ้นไปด้วย
30. มะกรูดยังใช้ในพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีโสกันต์ ซึ่งระบุไว้ว่าจะต้องมีผลมะกรูดและ
      ใบส้มป่อยในการประกอบพิธี
31. ยาฟอกเลือกสตรี ขับระดู ยาบำรุงประจำเดือน หรือยาแก้ผอมแห้งแรงน้อย มักจะมีมะกรูดอยู่
      ในตำรับยาเสมอ
32. มีการนำเปลือกของมะกรูดมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางบางชนิด อย่างเช่น สบู่ แชมพู
      มะกรูด หรือ ยาสระผมมะกรูด ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงและแมลง เป็นต้น
33. หากถูกปลิงกัด ไม่ควรดึงออก เพราะจะทำให้แผลฉีกขาดและเลือดจะไหลไม่หยุด แต่วิธีที่
      ควรทำในเบื้องต้นให้ใช้น้ำมะกรูดมาราดใส่ตรงที่ถูกปลิงเกาะ ก็จะทำให้ปลิงหลุดออกมาเอง
34. มะกรูดประโยชน์ช่วยแก้ปัญหากลิ่นเท้าเหม็น มีกลิ่นอับเชื้อรา ด้วยสูตรมะกรูด ขิง ข่า เกลือ 
      อย่างละเท่าๆกัน นำมาต้มรอให้อุ่นสักนิดแล้วแช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีก็จะช่วยลดกลิ่น
      อับแถมยังคลายความปวดเมื่อยได้อีกด้วย
35. ประโยชน์มะกรูดช่วยดูดกลิ่นในรองเท้าหรือตู้รองเท้า ด้วยการใช้ผิวมะกรูด ตะไคร้หอม ถ่าน
      ป่น และสารส้ม อย่างละ 1 ส่วน นำมาใส่ถุงที่ทำจากผ้าขาวบางหรือผ้าที่มีช่องระบายอากาศ 
       แล้วนำไปใส่ไว้ในตู้รองเท้าหรือในรองเท้า จะช่วยดูดกลิ่นได้อย่างหมดจดเลยทีเดียว
36. ช่วยทำความสะอาดครบตามซอกเท้า เพื่อลดความหมักหมมด้วยการใช้ สับปะรด 2ส่วน / 
      สะระแหน่ 1/2 ส่วน / น้ำมะกรูด 1/2 ส่วน / เกลือ 2 ส่วน นำมาปั่นรวมกันแล้วนำไปขัดเท้า
37. การอบซาวนาสมุนไพร เพื่อขับสารพิษผ่านเหงื่อและรูขุมขน มักจะมีสมุนไพรที่ประกอบไป
       ด้วย ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชันไพล ตะไคร้ พิมเสน การบูร และผิวมะกรูดผสมอยู่ด้วย ซึ่งแต่ละตัวก็มี
      สรรพคุณในการช่วยขับสารพิษทั้งสิ้น



8
2.2       ตะไคร้
ตะไคร้ มีถิ่นกำเนิดใน ประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย พม่า ศรีลังกา และไทย ตะไคร้
ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Cymbopogon citratus (DC.) Stapf 
ชื่อตะไคร้ภาษาอังกฤษจะ ใช้คำว่า Lemongrass
 จัดเป็นพืชล้มลุก ใบเรียวยาว ปลายใบมีขนหนาม เป็นพืชตระกูลหญ้า ตะไคร้จัดเป็นสมุนไพรไทยชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาประกอบอาหาร โดยตะไคร้แบ่งออกเป็น 6ชนิด ซึ่งได้แก่ ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้ำ ตะไคร้หางนาค และตะไคร้หางสิงห์ ซึ่งเป็นสมุนไพรไทยที่นิยมปลูกทั่วไปในบ้านเรา
ตะไคร้ เป็นสมุนไพรเพื่อสุขภาพ โดยประโยชน์ของตะไคร้และสรรพคุณของตะไคร้นั้นมีมากมาย สรรพคุณตะไคร้เป็นทั้งยารักษาโรคและยังมีทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย เช่น วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก
     สรรพคุณของตะไคร้    
1. มีส่วนช่วยในการขับเหงื่อ
2. เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญ (ต้นตะไคร้)
3. มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยในการเจริญอาหาร
4. ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร (ต้น)
5. สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคเมะเร็งลำไส้ใหญ่
6. แก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ
7. ช่วยรักษาอาการไข้ (ใบสด)
8. ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก)
9. น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้ สามารถบรรเทาอาการปวดได้
10. ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ
11. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง (ใบสด)
12. ใช้เป็นยาแก้อาเจียน หากนำไปใช้ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ (หัวตะไคร้)
13. ช่วยแก้อาการกษัยเส้นและแก้ลมใบ (หัวตะไคร้)
14. รักษาโรคหอบหืด ด้วยการใช้ต้นตะไคร้
15. ช่วยแก้อาการเสียดแน่นแสบบริเวณหน้าอก (ราก)
16. ใช้เป็นยาแก้อาการปวดท้องและอาการท้องเสีย (ราก)
17. ช่วยแก้และบรรเทาอาการปวดท้อง
18. ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ (หัวตะไคร้)
19. ช่วยในการขับน้ำดีมาช่วยในการย่อยอาหาร
20. น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ มีส่วนช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ได้
9
21. มีฤทธิ์ช่วยในการขับปัสสาวะ
22. ช่วยแก้อาการปัสสาวะพิการ และรักษาโรคนิ่ว (หัวตะไคร้)
23. ช่วยแก้อาการขัดเบา (หัวตะไคร้)
24. ใช้เป็นยาแก้ขับลม (ต้น)
25. ช่วยรักษาอหิวาตกโรค
26. ช่วยแก้ลมอัมพาต (หัวตะไคร้)
27. ใช้เป็นยารักษาเกลื้อน (หัวตะไคร้)
28. น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ สามารถช่วยต่อต้านเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี
29. ช่วยแก้โรคหนองใน หากนำไปผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ
      ประโยชน์ของตะไคร้
1. นำมาใช้ทำเป็นน้ำตะไคร้หอม น้ำตะไคร้ใบเตย ช่วยดับร้อนแก้กระหายได้เป็นอย่างดี
2. ช่วยในการบำรุงและรักษาสายตา
3. มีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
4. มีส่วนช่วยในการบำรุงสมองและเพิ่มสมาธิ
5. สามารถนำมาใช้ทำเป็นยานวดได้
            6. ช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลาย (ต้น)
7. มีฤทธิ์เป็นยาช่วยในการนอนหลับ
8. การปลูกตะไคร้ร่วมกับผักชนิดอื่นๆจะช่วยป้องกันแมลงได้เป็นยังดี เพราะ
9. นำมาใช้เป็นส่วนประกอบของสารระงับกลิ่นต่างๆ
10. ต้นตะไคร้ช่วยดับกลิ่นคาวหรือกลิ่นคาวของปลาได้เป็นอย่างดี
11. กลิ่นหอมของตะไคร้สามารถช่วยไล่ยุงและกำจัดยุงได้เป็นอย่างดี
12. เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์จำพวกยากันยุงชนิดต่างๆ เช่น ยากันยุงตะไคร้หอม
13. สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายชนิด เช่น เครื่องปรุงอบแห้ง ตะไคร้แห้งสำหรับชงดื่ม นำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย เป็นต้น
14.  มักนิยมนำมาใช้ในการประกอบอาหารหลายชนิด เช่น ต้มยำ และอาหารไทยอื่นๆเพื่อเพิ่มรสชาติ

2.3       ใบฝรั่ง
 ชื่อวิทยาศาสตร์ :    Psidium guajava  L.
ชื่อสามัญ :  Guava
ชื่ออื่น :  สุราษฎร์ธานี จุ่มโป่, ปัตตานี ชมพู่, เชียงใหม่ มะก้วย, เหนือ มะก้วยกา มะมั่น, แม่ฮ่องสอน มะกา, ตาก มะจีน, ใต้ ยามู ย่าหมู, นครพนม สีดา, จีนแต้จิ๋ว ปั๊กเกี้ย
10
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ต้น ขนาดกลาง สูง 3-5 เมตร ผิวเปลือกต้นเรียบเกลี้ยง กิ่งอ่อนเป็นสี่เหลี่ยม ใบ หนา หยาบ ใต้ท้องใบเป็นริ้ว เห็นเส้นใบชัดเจน ขนขึ้นนวลบาง ใบยาวประมาณ 10 ซม. กว้างประมาณ 6 ซม. ดอกช่อ ช่อหนึ่งมีดอกย่อย 3 - 5 ดอก ดอกเล็ก สีขาวอมเขียวอ่อน กลีบเลี้ยงแข็ง ผล รูปทรงกลม รูปไข่ หรือรูปรี ผิว เกลี้ยง สีเขียว เนื้อในขาว รสหวาน กรอบ ผลสุกสีเหลือง- เขียว มีเมล็ดเล็กๆ แข็งอยู่ภายใน
ส่วนที่ใช้ : ใบเพสลาด ผลอ่อนสด ผลสุก เปลือกต้นสดๆ ราก
สรรพคุณ :
          ฝรั่งมีสารแทนนินอยู่มาก สารนี้มีฤทธิ์ฝาดสมานน้ำมันหอมระเหยในใบฝรั่ง    สารแทนนินในฝรั่งยังยับยั้งการลุกลามของเชื้อโรค ช่วยสมานท้องและลำไส้ โดยช่วยลดอาการอักเสบของกระเพาะลำไส้ และช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน และยังช่วยอาการเกร็งตัวของลำไส้ ทำให้อาการปวดท้องบรรเทาลงได้ แก้ปวดเบ่ง
  • ใบ  -   แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน (ที่ไม่ใช่บิด หรืออหิวาตกโรค)  เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ใช้ใบ 2-3 ใบเคี้ยวๆ ระงับกลิ่นปาก แก้ฝี เป็นยาล้างแผล ดูดหนองและถอนพิษบาดแผล แก้เหงือกบวม แก้พิษเรื้อรัง แก้ปวดเนื่องจากเล็บขบ แก้แพ้ยุง
  • ผลอ่อน - แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน ระงับกลิ่นปาก แก้บิดมูกเลือด มีไวตามินซีมาก เป็นกันหรือแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน (ลักปิดลักเปิด) บำรุงเหงือกและฟัน บำรุงผิวพรรณ
  • ผลสุก - มีสารเพ็กตินอยู่มาก ใช้รับประทานเป็นยาระบายได้
  • ราก - แก้น้ำเหลืองเสีย เป็นฝี แผลพุพอง แก้เลือดกำเดาไหล
วิธีและปริมาณที่ใช้
1.              ใช้ฝรั่งแก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน
วิธีที่ 1 รับประทานสด
- ใช้ส่วนที่เป็นยอดอ่อนๆ 7 ยอด หรือใบเพสลาด 6-8 ใบ ค่อยๆ เคี้ยวให้ละเอียดทีละน้อย ค่อยๆ กลืน แล้วดื่มน้ำตาม ถ้าเคี้ยวทีละมากๆ จะรู้สึกฝาดขม ถ้าเคี้ยวกับเกลือเล็กน้อย จะช่วยให้รับประทานง่ายขึ้น
วิธีนี้ได้ผลมาก เพราะรับประทานทั้งน้ำและเนื้อของใบฝรั่งจนหมด ได้ตัวยาครบถ้วน
- อาจรับประทานผลดิบ ครั้งละ 1-2 ผล โดยเคี้ยวก่อนค่อยกลืนก็ได้
2.              วิธีที่ 2 ต้มดื่ม
- ใช้ใบเพสลาด 5-10 ใบ หรือเปลือกต้นสดๆ 1 ฝ่ามือ ใส่น้ำ 2 ถ้วยแก้ว ต้มเดือดนาน 5-30 นาที เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว รับประทานครั้งละ รับประทานครั้งละ 
½ - 1 แก้ว วันละ 2 ครั้งรับประทานตามอาการหนักเบา เวลาดื่มเติมเกลือเล็กน้อยทำให้ดื่มง่ายขึ้น
วิธีที่ 3 ชงน้ำร้อนดื่ม
- เอายอดฝรั่ง  7 ยอด หรือใบฝรั่ง 6-10 ใบ ชงกับน้ำเดือด 2 แก้ว ปิดฝาไว้ 15-20นาที ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ดื่มบ่อย ๆ
11
วิธีที่ 4 ต้มคั้นเอาน้ำ
- เอาใบฝรั่ง
  6-10 ใบ ตำให้ละเอียด ผสมน้ำสุก 3-5 ช้อนแกง ต้มให้เข้ากัน กรองด้วยผ้าขาว เอาน้ำผสมเกลือเล็กน้อยดื่มจนหมด
วิธีที่
 5 บดผงรับประทาน
- ใช้ผลฝรั่งที่เกือบแก่ หั่นเป็นแว่นบาง ๆ ตากแห้งบดเป็นผง รับประทานครั้งละ
½-1ช้อนชา โดยผสมน้ำ วิธีนี้รสชาติดีเด็กดื่มได้ง่าย
3.               ใช้เป็นยาห้ามเลือด               
-                   ใช้ใบสดล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียดพอกแผลที่มีเลือดออก เลือดจะหยุด
1.             ช่วยระงับกลิ่นปาก
-                   ใช้ใบสด 3-5 ใบ เคี้ยวและคายกากออกทิ้ง
2.             เป็นยากันหรือแก้โรคลักปิดลักเปิด ฝรั่งมีไวตามินซีมาก
-                   ใช้ผลโตเต็มที่แต่ไม่สุก รับประทานเป็นผลไม้ จะเป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงเหงือกและ
ฟัน ช่วยลดน้ำตาลในเลือด รักษาท้องลำไส้ไม่ให้ผูก ช่วยบำรุงผิวพรรณ คนที่ชอบเป็นฝีเป็นแผลพุพอง ถ้ารับประทานฝรั่งบ่อย ๆ ก็ช่วยบรรเทาลงไปได้
หมายเหตุ                                         
       ฝรั่งที่ควรปลูก ควรเป็นฝรั่งขี้นก เพราะมีโรคน้อย มีเพลี้ยแป้งน้อย ดูแลรักษาง่าย ที่สำคัญมีสรรพคุณทางยาที่ดีที่สุด มีไวตามินซีสูงกว่าฝรั่งพันธุ์อื่น ๆ
สารเคมี
      ใบ  มีน้ำมันหอมระเหย  ซึ่งประกอบด้วย Caryophyllene cineol, นอกจากนี้ยังมี Tannin, sesquiter penoids และ triterpenoid compounds. 
      ผล  มี fixed oil 6%  Volatile oil 0.365%  tannin 8-15%  beta-sitosterol, quercetin, Vitamin C (330 mg.%), Arabinose,

2.4       สะระแหน่ 
ภาษาอังกฤษ Kitchen Mint, Marsh Mint 
ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Metha cordifolia Opiz. จัดอยู่ในวงศ์กะเพรา เป็นพืชสมุนไพรไทยที่จัดอยู่ในตระกูลมิ้นต์
มีแหล่งกำเนิดในแถบทวีปยุโรปตอนใต้และในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ลักษณะใบจะคล้ายคลึงกับพืช ในตระกูลมิ้นต์มาก มีกลิ่นหอมคล้าย มะนาว รสชาติจะคล้ายๆกับตะไคร้หอมและมะนาว
สะระแหน่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ หลายชนิด เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เป็นต้น และยังให้พลังงาน 47 กิโลแคลอรี่ (ใน 100 กรัม) โดยใบสะระแหน่นั้นควรเลือกใช้ใบสดและยอดอ่อนจะได้สรรพคุณที่ดีกว่าใบแห้ง
12
ประโยชน์ของสะระแหน่
1.             สะระแหน่ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นด้วยการนำใบสะระแหน่มาบดแล้วนำมาทาผิว
2.             ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย
3.             ใช้เป็นยาเย็น ดับร้อน และขับเหงื่อในร่างกาย
4.             ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
5.             ช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาด้วยการนำใบสะระแหน่มาบดให้ละเอียดโดยเติมน้ำระหว่างบดด้วยเล็กน้อย แล้วใส่น้ำผึ้งตามลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วนำมาทาใต้ตาทิ้ง ไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
6.             ช่วยบรรเทาอาการเครียด
7.             ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง โล่งคอ ด้วยการดื่มน้ำใบสะระแหน่ 5 กรัมกับน้ำ 1 ถ้วย ผสมเกลือเล็กน้อย วันละ 2 ครั้ง
8.             ช่วยแก้อาการหน้ามืดตาลาย ด้วยการดื่มน้ำต้มใบสะระแหน่กับขิงสด
9.             ช่วยบรรเทาอาการและแก้หวัด น้ำมูกไหล อาการไอ
10.      ช่วยรักษาโรคหอบหืด
11.      ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
12.      ช่วยให้หัวใจแข็งแรง
13.      ช่วยรักษาอาการอ่อนเพลียของร่างกาย
14.      ช่วยห้ามเลือดกำเดาไหลได้ ด้วยการใช้สำลีชุบน้ำที่คั้นจากใบสะระแหน่ หยอดที่รูจมูก
15.      ช่วยบรรเทาอาการปวดฟัน เจ็บปาก เจ็บลิ้น ปวดคอ ด้วยการดื่มน้ำต้มใบสะระแหน่
16.      ช่วยแก้แผลในปากด้วยน้ำสะระแหน่ ด้วยการดื่มน้ำต้มใบสะระแหน่
17.      ช่วยรักษาและบรรเทาอาการปวดหู ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบสะระแหน่มาหยอดที่รูหู
18.      ช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย
19.      ช่วยขับลมในลำไส้และช่วยในการย่อยอาหาร
20.      ช่วยรักษาอาการท้องร่วง ปวดท้อง อาการบิด ด้วยการดื่มน้ำต้มใบสะระแหน่
21.      ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
22.      ช่วยแก้อาการจุกเสียดในท้องเด็ก ด้วยการใช้ใบสะระแหน่ตำให้ละเอียดผสมกับยาหอมแล้วนำมากวาดคอเด็ก
23.      ช่วยลดอาการหดเกร็งของลำไส้
24.      ช่วยรักษาอาการอุจจาระเป็นเลือด ด้วยการดื่มน้ำต้มใบสะระแหน่
25.      ช่วยผ่อนคลายความกดดันของกล้ามเนื้อซึ่งมาจากความเหนื่อยล้า
26.      กลิ่นของใบสะระแหน่ช่วยในการไล่ยุงและแมลงต่างๆ ด้วยการนำใบมาบดแล้วนำมาทาที่ผิว
27.      ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์
13
28.      ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ด้วยการนำใบสะระแหน่มาตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอกบริเวณที่โดนกัด
29.      ช่วยระงับอาการปวดได้ดีกว่ายาแก้ปวด
30.      ช่วยแก้อาการปวดบวม ผดผื่นคัน ด้วยการนำใบมาตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอกบริเวณดังกล่าว
31.      นำไปทำเป็นยาปฏิชีวนะได้
32.      ช่วยยับยั้งเชื้อโรคต่างๆ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
33.      นำไปใช้ทำเป็นน้ำมันหอมระเหยเพื่อใช้ทำการบำบัดโดยใช้กลิ่น (อโรมาเธอราพี)
34.      มักใช้เป็นส่วนผสมในการทำไอศกรีม ชาสมุนไพร
35.      ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ
36.      นิยมนำมาใช้ในการปรุงอาหารหรือรับประทานสดๆ ควบคู่ไปกับลาบ น้ำตก เป็นต้น
37.      ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้อาหาร ชวนให้น่ารับประทานยิ่งขึ้น
38.      ใบสะระแหน่ช่วยลดกลิ่นคาวของอาหารอย่างลาบ ยำ และพร่าได้
39.      ใช้ในการแต่งกลิ่นเครื่องดื่มต่างๆและเหล่าได้
40.      ใช้เป็นเครื่องเคียงในอาหารจำพวกผลไม้สด ขนมหวาน
41.      สะระแหน่ สามารถนำมาสกัดเอาสารเพื่อใช้ในการทำเป็นลูกอม หมากฝรั่งรสมิ้นท์ ชาสะระแหน่

2.5       ใบพลู
ชื่อภาษาอังกฤษ : Wildbetal Leaf bush 
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Piper sarmentosum Roxb.
ชื่ออื่นๆ นั้นทางภาคกลางจะเรียกว่า ช้าพลูส่วนภาคเหนือจะเรียกว่า ผักพลูนก” “พลูลิง” “ปูลิง” “ปูลิงนกหรือ ผักปูนาหรือสำหรับภาคอีสานก็จะเรียกกันว่า ผักแค” “ผักอีเลิด” “ผักนางเลิดและสำหรับภาคใต้จะเรียกกันว่า นมวา
ชะพลู มักมีการจำสับสนกับ พลู ซึ่งเป็นคนละชนิดกัน ซึ่งใบจะรสไม่จัดเท่ากับ พลู และยังมีขนาดเล็กกว่า สำหรับสรรพคุณของชะพลูที่สำคัญนั้นก็ได้แก่ช่วยบำรุงธาตุ ขับลม แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ และช่วยในการขับเสมหะ เป็นต้น และประโยชน์ของชะพลูในด้านของเรื่องสุขภาพนั้นก็คือ วิตามินเอ และ ธาตุแคลเซียม ในปริมาณสูงเป็นพิเศษ และยัง ธาตุเหล็ก ธาตุฟอสฟอรัส คลอโรฟิลล์ เส้นใย อีกด้วยซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายแทบทั้งสิ้น
ใบชะพลู หากรับประทานในปริมาณมากหรือติดต่อกันเป็นเวลานาน แคลเซียมที่มีอยู่ในใบชะพลูจะเปลี่ยนเป็นแคลเซียมออกซาเลต (Oxalate) ซึ่งสารชนิดนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนิ่วในไตได้ ดังนั้นคุณจึงควรดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อให้สารออกซาเลตเจือจางลง และถูกขับออกทางปัสสาวะ หรือจะเลือกรับประทาน

14
อาหารที่มี โปรตีน สูงๆเพื่อป้องกันโรคนิ่วก็ทำได้เหมือนกัน เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดคุณควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม
ประโยชน์ของใบชะพลู
1.             ประโยชน์ของใบชะพลู ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระต่างๆ (ใบ)
2.             สรรพคุณของใบชะพลู มีรสเผ็ดร้อน ช่วยทำให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น (ใบ)
3.             ใบชะพลูมี เบต้าแคโรทีน ในปริมาณมากซึ่งช่วยบำรุงและรักษาสายตา ช่วยในการมองเห็น ป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคืน แก้โรคตาฟาง เป็นต้น (ใบ)
4.             ช่วยยับยั้งและชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง (ใบ)
5.             สรรพคุณใบชะพลู ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้ชะพลูสดทั้งต้นประมาณ 7 ต้น นำมาล้างน้ำให้สะอาด ใส่น้ำพอท่วมแล้วต้มให้เดือดสักพัด แล้วนำมาดื่มเป็นชา (ทั้งต้น)
6.             ช่วยบำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ (ราก)
7.             ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน (ใบ)
8.             ช่วยทำให้เสมหะงวดและแห้ง (ดอก,ราก)
9.             สรรพคุณชะพลู ช่วยในการขับเสมหะบริเวณทรวงอก ลำคอ (ใบ,ราก,ต้น)
10.      ช่วยในการขับเสมหะทางอุจจาระ (ราก)
11.      ช่วยในการขับถ่ายเนื่องจากมีเส้นใยในปริมาณมาก (ใบ)
12.      ช่วยแก้อาการบิด ด้วยการใช้รากประมาณครึ่งกำมือ ใช้ผลประมาณ 3 หยิบมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 1 ถ้วยแก้ว แล้วนำมาดื่มครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว (ราก)
13.      ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง ด้วยการใช้รากประมาณ 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 3 ใน 4 ถ้วยแก้วแล้วรับประทานครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว (ราก,ทั้งต้น)
14.      ช่วยขับลมในลำไส้ ด้วยการใช้รากประมาณ 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 3 ใน 4 ถ้วยแก้วแล้วรับประทานครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว (ดอก,ราก)
15.      รากชะพลูเป็นหนึ่งในส่วนผสม ของตำรับสมุนไพรพิกัดยาตรีสาร ซึ่งช่วยบำรุงธาตุ บำรุงโลหิต แก้คูถเสมหะ
16.      เมนูใบชะพลู ก็ได้แก่ แกงคั่วไก่ใบชะพลู แกงคั่วหอยขมใบชะพลู หมูห่อใบชะพลู ไข่น้ำใบชะพลู ยำตะไคร้ใบชะพลู เมี่ยงปลาเผาใบชะพลู ผัดป่าใบชะพลู แกงอ่อมใบชะพลู ยำปลาทูใบชะพลู เป็นต้น




15
บทที่ 3
วิธีดำเนินการ

                   ในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้ทำการศึกษา ดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร 5 ชนิด ซึ่งมีวิธีการดังนี้

ระเบียบวิธีที่ใช้ในการศึกษา
                   ในการศึกษาใช้รูปแบบการสำรวจ สืบค้นข้อมูล จากหนังสือ อินเทอร์เน็ต และตอบแบบสอบถาม

ประชากรที่ใช้ในการศึกษา
1.              ประชากร
                   ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2  โรงเรียน กาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 1 ห้องเรียน เป็นนักเรียนทั้งสิ้น 4 คน

2.              กลุ่มตัวอย่าง
                   กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียน กาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 เป็นนักเรียนทั้งสิ้น 4 คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย จำนวน 1 ห้องเรียน เพื่อตอบแบบสอบถามที่สร้างขึ้น

3.              ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา
                   เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ ที่ใช้ในการศึกษา ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557

วิธีดำเนินการ
                   ผู้ศึกษาได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
1. นำต้นตะไคร้พร้อมใบ ล้างให้สะอาด ทุบพอแตก
2. จากนั้นนำตะไคร้ไปใส่ในน้ำที่เตรียมไว้ นำปลาลงไปล้างใช้ใบตะไคร้ถูตัวปลาเบาๆ
3. นำผลของมะกรูดล้างให้สะอาด ผ่าครึ่งของผลมะกรูด
4. บีบน้ำมะกรูดออกให้หมด จากนั้นนำน้ำของผลมะกรูดไปล้างบนตัวปลา
5. นำใบฝรั่ง ล้างให้สะอาด ตำพอละเอียด  
6. จากนั้นนำใบฝรั่งไปใส่ในน้ำที่เตรียมไว้ นำปลาลงไปล้างใช้ใบฝรั่งถูตัวปลาเบาๆ
7.นำใบพลู ล้างให้สะอาด ตำพอละเอียด  
16
8.จากนั้นนำใบพลูไปใส่ในน้ำที่เตรียมไว้ นำปลาลงไปล้างใช้ใบพลูถูตัวปลา
9. นำใบสะระแหน่ ล้างให้สะอาด ตำพอละเอียด  
10. นำใบสะระแหน่ไปใส่ในน้ำที่เตรียมไว้ นำปลาลงไปล้างใช้ใบสะระแหน่ถูตัวปลา




























17
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

                   การวิเคราะห์ข้อมูล การดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร 5 ชนิด ของนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียน กาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรี ได้ผลดังนี้
ตารางที่ 1 แสดงผลระดับคะแนนการประเมิน การดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร 5 ชนิด ของนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 4 คน

รายการประเมิน
ระดับคะแนน
มากที่สุด
มาก
พอใช้
น้อย
น้อยที่สุด
1. การดับกลิ่นคาวปลาด้วยมะกรูด





2. การดับกลิ่นคาวปลาด้วยตะไคร้





3. การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบฝรั่ง





4. การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบสะระแหน่





5. การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบพลู






จากตารางที่ 1 พบว่า นักเรียนเห็นว่าการดับกลิ่นคาวปลาด้วยมะกรูด อยู่ในระดับ 5 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                   การดับกลิ่นคาวปลาด้วยมะกรูด อยู่ในระดับ 4 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                   การดับกลิ่นคาวปลาด้วยมะกรูด อยู่ในระดับ 3 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                  การดับกลิ่นคาวปลาด้วยมะกรูด อยู่ในระดับ 2 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                   การดับกลิ่นคาวปลาด้วยมะกรูด อยู่ในระดับ 1 คิดเป็นร้อยละ……

                                                                  การดับกลิ่นคาวปลาด้วยตะไคร้ อยู่ในระดับ 5 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                  การดับกลิ่นคาวปลาด้วยตะไคร้ อยู่ในระดับ 4 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                  การดับกลิ่นคาวปลาด้วยตะไคร้ อยู่ในระดับ 3 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                  การดับกลิ่นคาวปลาด้วยตะไคร้ อยู่ในระดับ 2 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                  การดับกลิ่นคาวปลาด้วยตะไคร้ อยู่ในระดับ 1 คิดเป็นร้อยละ……

                                                                  การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบฝรั่ง อยู่ในระดับ 5 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                  การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบฝรั่ง อยู่ในระดับ 4คิดเป็นร้อยละ……
                                                                18
                                                                 การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบฝรั่ง อยู่ในระดับ 3 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบฝรั่ง อยู่ในระดับ2 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                 การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบฝรั่ง อยู่ในระดับ 1 คิดเป็นร้อยละ……

                                                                การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบสะระแหน่ อยู่ในระดับ 5 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบสะระแหน่ อยู่ในระดับ 4 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบสะระแหน่ อยู่ในระดับ 3 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบสะระแหน่ อยู่ในระดับ 2 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบสะระแหน่ อยู่ในระดับ 1 คิดเป็นร้อยละ……

                                                                การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบพลู อยู่ในระดับ 5 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบพลู อยู่ในระดับ 4 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบพลู อยู่ในระดับ 3 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบพลู อยู่ในระดับ 2 คิดเป็นร้อยละ……
                                                                การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบพลู อยู่ในระดับ 1 คิดเป็นร้อยละ……

ตารางที่ 2 แสดงผลการประเมิน การดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร 5 ชนิด ของนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียน กาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรี

รายการประเมินค่าเฉลี่ย                                                       ระดับคุณภาพ
1. การดับกลิ่นคาวปลาด้วย                                                                5
2. การดับกลิ่นคาวปลาด้วย                                                                4
3. การดับกลิ่นคาวปลาด้วย                                                                3
4. การดับกลิ่นคาวปลาด้วย                                                                2
5. การดับกลิ่นคาวปลาด้วย                                                                1
รวม    15
รวมทั้งฉบับ    3
                   จากตารางที่ 2 พบว่า การดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร 5 ชนิด อยู่ในระดับคุณภาพ ค่าเฉลี่ย


บทที่5
สรุปผล  อภิปรายผล และ ข้อเสนอแนะ
                         จากการศึกษาครั้งนี้เพื่อศึกษาสรรพคุณของสมุนไพรทั้ง5ชนิดว่าชนิดใดสามารถดับกลิ่นคาวปลาได้มากหรือน้อยเพียงใด โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรี  ในภาคเรียนที่ 2  ปีการศึกษา 2557ซึ่งสามารถสรุปผล อภิปรายผล และ ข้อเสนอแนะ ได้ดังนี้
1.วัตถุประสงค์ของการศึกษา           
2.สมมุติฐานของการศึกษา
3.ขอบเขตของการศึกษา
4.เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
5.วิเคราะห์ข้อมูล
6.สรุปผลการศึกษา
7.ข้อเสนอแนะ
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
                เพื่อศึกษาว่าสมุนไพรชนิดใดใช้ดับกลิ่นคาวปลาได้มากหรือน้อยเพียงใด เพื่อประโยชน์ในการนำมาประกอบอาหาร
ขอบเขตของการศึกษา

1.ประชากรที่ใช้ในการศึกษา
                ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
2 โรงเรียนกาญจนาภิเษก วิทยาลัย สุพรรณบุรี ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 1 ห้องเรียน เป็นนักเรียนทั้งสิ้น 4 คน
2.กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา
                กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
2
โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรี ภาคเรียนที่
2 ปีการศึกษา 2557 เป็นนักเรียนทั้งสิ้น 4 คน
โดยสุ่มอย่างง่ายจำนวน
1 ห้องเรียน เพื่อตอบแบบสอบถามเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
                เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ประกอบด้วยแบบสอบถามจำนวน
1 ฉบับ เรื่องดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร 5 ชนิด โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรี จำนวน 5 ข้อ

การวิเคราะห์ข้อมูล
               
ในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ศึกษาได้วิเคราะห์ข้อมูลของนักเรียนที่มีต่อการดับกลิ่นคาวปลาด้วย
สมุนไพร
5ชนิด เช่น กลิ่นคาวของปลาที่จางหายไปจากการใช้สมุนไพรแต่ละชนิดโดยการคิดคะแนนเฉลี่ยเป็นร้อยละ
สรุปผลการศึกษา
               
ผลการศึกษาที่มีต่อการศึกษาเรื่องดับกลิ่นคาวด้วยสมุนไพร
5ชนิด อยู่ในระดับคุณภาพ ดีมาก ดี ปานกลาง และไม่เห็นผล
การอภิปรายผล
               
จากการศึกษาการดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร
5ชนิด ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรีพบว่านักเรียนทุกคนมีความพึงพอใจในการใช้มะกรูดมาดับกลิ่นคาวปลามากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 85
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งนี้
-ควรใช้ระยะเวลาในการทำการทดลองมากกว่าเดิม
-การทดลองควรมีความละเอียด ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
-ควรอ้างอิงหลักวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น





แบบสอบถาม
การดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร 5 ชนิด
ผู้ประเมิน

เพศ              ชาย                        หญิง

สถานะ        นักเรียน                  ผู้ปกครอง                   ครู                  

คำชี้แจง – ประเมินการดับกลิ่นคาวปลาด้วยสมุนไพร 5 ชนิดจากคำถามในตารางด้านล่าง


แบบสอบถาม
ระดับความพึงพอใจ
มากที่สุด
มาก
พอใช้
น้อย
น้อยที่สุด
1.การดับกลิ่นคาวปลาด้วยมะกรูด





2.การดับกลิ่นคาวปลาด้วยตะไคร้





3.การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบสะระแหน่





4.การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบฝรั่ง





5.การดับกลิ่นคาวปลาด้วยใบพลู







ข้อเสนอแนะ
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................



ประวัติผู้ศึกษา
ชื่อ – นามสกุล                           ………………………………………………………………………………
วัน เดือน ปี สถานที่เกิด             ……………………………………………....................................................
                                                  …………………………………………………………………....................
                                                       ..………..........................................................................................................
ประวัติการศึกษา                        ..................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................